เว็บบล็อก ที่รวบรวมทุกเรื่องที่น่าสนใจ เกี่ยวกับ คาสิโนออนไลน์ UFABET ทุกเรื่องที่น่าสนใจ อัพเดทข้อมูลใหม่ๆ สำหรับนักเล่นที่สนใจ เดิมพันเกม คาสิโนออนไลน์
มาตราการ ชิมช้อปใช้ ประเทศเราเสียอะไรไปบ้าง ภายใต้บรรยากาศ การออกมาใช้เงิน ที่กระเตื้องขึ้นมาบ้าง ชิมช้อปใช้ คือมาตรการที่รัฐบาล ใช้งบประมาณถึง 10,000 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ในช่วงที่ซบเซา สนับสนุนให้คนเอาเงินที่ได้มา ไปกระจายให้กับการท่องเที่ยว ตามจังหวัดต่างๆ
และเมื่อมีคนลงทะเบียนครบแล้ว สิ่งที่น่าติดตามต่อไปคือ ชิมช้อปใช้ จะได้ผลลัพธ์ออกมา อย่างที่รัฐบาลคาดไว้ไหม? คุ้มรึเปล่ากับ 10,000 ล้านบาท ที่เสียไป? นั่งคุยกับ ภาวิน ศิริประภานุกูล อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ และขอให้ช่วยวิเคราะห์ ถึงประสิทธิภาพของนโยบาย ชิมช้อปใช้ ตัวเลขทางเศรษฐกิจ ที่คาดว่าจะออกมาให้เห็น และข้อกังวลในอนาคต จากมุมมองเชิงเศรษฐศาสตร์
แต่ไม่ต้องพูดอะไรให้มากความ อาจารย์บอกกับเราเลยว่า มาตรการ ชิมช้อปใช้ จะทำให้รัฐบาล และประเทศไทยขาดทุน แถมยังไม่ใช่การขาดทุนธรรมดา แต่เป็นการขาดทุนถึงสามเด้ง พอเปิดมาแบบนี้ ก็นับว่าน่าสนใจ และน่าตกใจในเวลาเดียวกัน เพราะแทนที่เราจะได้ประโยชน์จากมาตรการ ดันกลายเป็นว่า เราเสียประโยชน์ไปซะอย่างนั้น
อาจารย์ภาวินยังเสริมอีกว่า ถ้าเอา ชิมช้อปใช้ ไปเทียบกับอย่างอื่น ก็จะทำให้เราเห็นความสำคัญ ของงบประมาณ 10,000 ล้านบาท เข้าไปอีก เพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น ลองไปฟังกันเลยว่า อะไรคือความกังวลของอาจารย์ต่อ ชิมช้อปใช้ ซึ่งระหว่างทาง อาจมีการใช้คำศัพท์เฉพาะอยู่บ้าง แต่เรารับรองว่าไม่ยาก จนเกินความเข้าใจ
ผมมองว่า มาตรการมูลค่า 10,000 ล้านบาทนี้ รัฐบาลจะขาดทุน เนื่องจากว่า ตัวคูณทางการคลัง ซึ่งจะเป็นตัวที่คล้ายๆ กับบอกถึงระดับการหมุน หรือการเพิ่มค่าการใช้จ่าย ทางด้านการคลังของประเทศต่างๆ ในโลกปัจจุบัน เราน่าจะยอมรับว่า มันอยู่ที่ค่าที่ต่ำกว่า 1 ซึ่งค่าที่ยอมรับ ในฝั่งวิชาการจะอยู่ที่ 0.7 UFABET
ก็คือ ถ้ารัฐบาลใช้ออกมา 1 บาท มันจะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศรษฐกิจได้ 70 สตางค์แค่นั้นเอง ทำไมมันถึงเป็นอย่างนั้น ก็เพราะว่า เวลาเราเปรียบเทียบผลกระทบ จากการใช้มาตรการทางการคลัง เราต้องเปรียบเทียบ ในกรณีที่มีมาตรการ กับกรณีที่ไม่มีมาตรการ
ในกรณีไม่มีมาตรการ ถ้าไม่มีรายได้จากเงิน ชิมช้อปใช้ 1,000 บาท คนก็อาจจะต้องใช้จ่ายอยู่แล้ว อาจจะไปท่องเที่ยว หรือว่าใช้จ่ายในการซื้อของ สมมติ เขาใช้จ่ายอยู่ที่ 1,500 บาท ในหนึ่งรอบสัปดาห์หรือหนึ่งรอบเดือน ยังไง 1,500 บาท ก็จะลงไปสู่เศรษฐกิจอยู่แล้ว ทั้งๆ ที่มันไม่มีมาตรการ ชิมช้อปใช้ ทีนี้พอมีมาตรการ ชิมช้อปใช้ แล้วได้เงินเพิ่มไปอีก 1,000 บาท
คนส่วนใหญ่ที่ปกติมีสติสตางค์โดยสมบูรณ์เนี่ย จะไม่เพิ่มระดับการใช้จ่ายตัวเองไปเป็น 2,500 บาท คือระดับการใช้จ่าย จะมีความเหมาะสม กับพฤติกรรม หรือว่าการใช้ชีวิต ในประจำวันอยู่แล้ว 1,000 บาท ที่เพิ่มขึ้นมาก็เหมือนกับได้ส่วนลด หรือได้เงินโดยไม่ตั้งใจ เช่น ในเดือนนี้มีแผนช้อปปิ้งอยู่ที่ 10,000 บาท เราจะซื้อสบู่หนึ่งขวด แชมพูหนึ่งขวด อาหาร 30 จาน slot
การมีเงินเพิ่มมาอีก 1,000 บาท ก็เหมือนกับเป็นส่วนลด ของค่าใช้จ่ายที่เราใช้ ในชีวิตประจำวัน เราจะไม่เพิ่มสบู่เป็นสองขวดแล้ว ใช้ให้หมดในเดือนนั้น ข้าวอาจจะเพิ่มเป็น 35 – 40 จาน แต่ว่าเราไม่เพิ่มให้มันมากเกินไป ไม่เพิ่มให้เท่ากับจำนวน 1,000 บาท
ถ้าลองไปสัมภาษณ์คนส่วนใหญ่ หรือดูข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์เนี่ย เขาบอกว่า ชิมช้อปใช้ มันจะช่วยให้เขาประหยัดขึ้น ประหยัดขึ้นหมายความว่า เงิน 1,000 บาท มันทำให้จากเดิมที่จะต้องใช้จ่ายเงินตัวเอง 1,500 อาจจะลดลงเหลืออยู่ที่ 700 – 800 บาท พอบวกกับเงิน 1,000 บาท ก็อาจจะกลายเป็น 1,700 -1,800 บาท ที่แต่เดิมเขาใช้อยู่ 1,500 ตั้งแต่ยังไม่มีมาตรการ
ดังนั้น มาตรการ ชิมช้อปใช้ ที่จะทำให้เขาประหยัดขึ้นเนี่ย มันเลยส่งผลต่อเศรษฐกิจ ถ้าเทียบกับสองกรณี <กรณีมีและไม่มีมาตรการ> แล้วเนี่ย มันเพิ่มขึ้น 300 – 400 บาทแค่นั้นเอง ในรอบแรกนะครับ ในรอบถัดไปเราก็จะต้องคำนวณเฉพาะแค่ส่วนที่เพิ่มขึ้นมา นั้นก็คือ เพิ่มขึ้นมา 300 – 400 บาท แต่มันจะเอาไปวนได้อีกกี่รอบ ภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจที่มันดูไม่ค่อยดีในปัจจุบัน ซึ่งไม่มีคนอยากใช้จ่าย ufabet
เพราะรายได้ในอนาคตยังไม่เห็นเลย แล้วจะให้มาใช้จ่ายเพิ่มเติมจากเงินที่ได้มาเพิ่ม 300 – 400 บาท เขาไม่ใช้จ่ายกันอยู่แล้ว ดังนั้น ส่วนใหญ่ก็จะประเมินกันว่า เงิน 1 บาท ที่ออกมาจากมาตรการรัฐจะเพิ่มมูลค่าให้กับเศรษฐกิจประมาณ 70 สตางค์ แค่นั้นเอง ก็คือมันจะไปเบียดการใช้จ่ายปกติของคนให้ลดลงไป ทำให้แต่ละคนรู้สึกดี เพราะว่าประหยัด หมายความว่าค่าใช้จ่ายตัวเองลดลง เหลือเงินออมมากขึ้น
บทความอัพเดท จากทีมงาน casinopublicity กับโลกของ คาสิโนออนไลน์ ที่ไม่มีวันรู้จบ แนะนำและอัพเดท เว็บเดิมพันออนไลน์ สำหรับผู้ที่สนใจ
ข้อมูลอัพเดท : 19 กรกฎาคม 2020