เรื่องของไพ่บาคาร่า ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน
เรื่องของไพ่บาคาร่า ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน บาคาร่า หรือบาคะรา (Baccarat) คือเกมไพ่ยอดนิยมอันดับ 1 ในคาสิโน ออนไลน์ทั่วโลก เป็นเกมเดิมพันที่ใช้ไพ่ในการเล่นเป็นหลักกติกา และวิธีการเล่น สามารถเข้าใจได้ในระยะเวลาสั้น ๆ เล่นสนุก ได้เงินง่าย สำหรับผู้เริ่มต้น และตัวเกมมีเทคนิคการเล่นลึกซึ้งสำหรับผู้เล่นมืออาชีพ ทำให้เป็นเกมส์เดิมพัน ในดวงใจทั้ง สำหรับมือใหม่และมือเก๋า
การเล่นบาคาร่า คือการเลือกเดิมพันระหว่างแต้มไพ่ของสองฝ่าย คือฝั่งผู้เล่น (Player) ฝั่งแบงค์เกอร์ (Banker) หรือเลือกเดิมพันเสมอ (Tie) โดยเราสามารถ เลือกเดิมพันฝั่งไหนก็ได้ สำหรับคนที่พร้อมแล้วที่เริ่มต้น เรียนรู้และเล่นบาคาร่าออนไลน์ ก็สามารถกดสมัคร หรือศึกษาวิธีการเล่น บาคาร่าต่อด้านล่างได้เลย กติกาบาคาร่าเบื้องต้น
บาคาร่า ประกอบด้วยอะไรบ้าง?
สำหรับเกมบาคาร่านั้น หลัก ๆ คือเราจะเลือกเดิมพันระหว่างสองฝั่ง หรือเสมอ ซึ่งเป็นการคาดคะเนว่า ทั้งสองฝ่ายจะมีแต้มเท่ากัน โดยสามารถดูภาพด้านล่างเพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น ในการเล่นบาคาร่า 1 รอบเดิมพัน มีลำดับดังนี้
- ดีลเลอร์จะทำการแจกไพ่ให้ทั้งสองฝ่ายทีละใบ เริ่มที่ฝั่งเพลเยอร์ จนครบ 2 ใบทั้งสองฝั่ง
- เมื่อแจกไพ่ครบ 2 ใบแล้ว ดีลเลอร์จะทำการหงายไพ่ทั้งสองฝั่ง
- มือที่มีแต้มสูงใกล้ 8 หรือ 9 มากกว่าจะเป็นฝ่ายชนะ (กรณีป๊อก 8/9 จะชนะแทนที เรียกว่าเนเชอรัลในบาคาร่า) ในกรณีที่เราเดิมพันฝั่งที่ชนะ ก็จะได้รับเงินรางวัลทันที
- หากแต้มไพ่ได้ต่ำกว่านั้น จะมีการแจกไพ่ใบที่ 3 ซึ่งเป็นส่วนสำคัญ อย่างมากในการเล่นบาคาร่าดูได้จาก กติกาแจกไพ่ใบที่ 3
สมัครเล่นบาคาร่ากับ บาคาร่า SA พร้อมสูตร และวิธีเล่น คลิก
วิธีการนับแต้มไพ่ บาคาร่า
การนับแต้มไพ่ (Card Values) ในเกมบาคาร่านั้นเข้าใจได้ง่ายมาก โดยนับแต้มคล้ายๆกับป๊อกเด้ง มีรายละเอียดดังนี้
- A มีค่าเท่ากับ 1 และ ไพ่ตัวอักษรภาษาอังกฤษและ 10 (J,Q,K,10) มีค่า เท่ากับ 0 ส่วนไพ่ตัวเลขที่เหลือ ให้นับแต้มตามหน้าไพ่
- ตัวอย่างการนับแต้มไพ่ในบาคาร่า
- เพลเยอร์ (Player) ได้ไพ่ J และ 6 = ได้ 6 แต้ม
- เจ้ามือ (Banker) ได้ไพ่ 7 และ 10 = ได้ 7 แต้ม
“กรณีนี้ผู้เล่นที่วางเดิมพัน ฝั่งแบงค์เกอร์ (Banker) จะชนะ และได้เงินรางวัลไป เพราะมีแต้มมากกว่านั่นเอง” ตามกติกาการจั่วไพ่ใบที่ 3 แบงค์เกอร์ได้ 7 ทำให้ฝ่ายเพลเยอร์ไม่ได้จั่วต่อ
- กรณีที่ฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่ง มีไพ่ 2 ใบแรก รวมแต้มกันแล้วได้ 8 หรือ 9 แต้ม เกมจะหยุดทันที และดูว่าไพ่ฝั่งไหนที่มีแต้มมากกว่าจะชนะในเกมนั้นทันที
- ในกรณีที่ทั้งสองฝั่งมีแต้มเท่ากัน = เสมอ หรือผลลัพธ์เป็น TIE เกม
กติกาการจั่วไพ่ใบที่สาม
ข้อควรรู้เกี่ยวกับการจั่วไพ่ใบที่ 3
ในการเล่นบาคาร่า สิ่งที่ทำให้เกมนี้ดูมีความซับซ้อนลึกซึ้งมากกว่าที่มันควร จะเป็นคือ กติกาการเรียกไพ่ใบที่ 3 ซึ่งทำให้มือใหม่หลายๆ คนสับสน และมอง เกมไพ่บาคาร่าเป็นเกมที่ยากขึ้น ทั้งทีจริงแล้วไม่ใช่ ดังนั้นส่วนนี้ของบทความ เป็นส่วนที่คุณควรอ่านก่อนเริ่มเล่นบาคาร่าเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะข้อควรรู้ ในภาพด้านล่าง
การจั่วไพ่ใบที่สามฝั่งผู้เล่น (Player)
- ถ้าระหว่างฝั่งเพลเยอร์ หรือแบงค์เกอร์ ฝั่งใดฝั่งหนึ่งจั่วไพ่ 2 ใบ ที่มีผลรวมเป็น 8/9 (ป๊อก) ทั้งสองฝั่งจะอยู่ทันที ตรงนี้เราจะเรียก ว่ากฏชนะเนเชอรัล ซึ่งเป็นกติกาสูงสุด (Natural Rule)
- ฝั่งผู้เล่นหรือเพลเยอร์ ต้องจั่วไพ่ใบที่ 3 ทันที หากผลรวมของ ไพ่สองใบแรกมีแต้มรวมเท่ากับ 5 หรือน้อยกว่า (0-5)
- ฝั่งผู้เล่นจะอยู่ เมื่อผลรวมไพ่สองใบแรกเท่ากับ 6 หรือ 7
- หากเพลเยอร์หรือฝั่งผู้เล่นไม่ได้จั่วไพ่ใบที่ 3
- ฝั่งเจ้ามือจะอยู่ได้เฉพาะกรณีมีแต้มเท่ากับ หรือมากกว่า 6
- และจั่วไพ่ใบที่ 3 หากมีแต้มรวมจากไพ่สองใบเท่ากับ 5 หรือน้อยกว่า
- การเรียกไพ่ใบที่ 3 ฝั่งแบงเกอร์การเรียกไพ่ใบที่ 3 ฝั่งผู้เล่นในเกมบาคาร่า
- ถัดมา ในกรณีที่ฝั่งเพลเยอร์ทำการจั่วไพ่ใบที่ 3 เกมจะดำเนินการต่อ ตามกติกาแบงเกอร์ด้านล่าง อธิบายให้เห็นภาพ อาจยกตัวอย่างดังนี้
- เพลเยอร์จั่วได้ 5 กับ Q ดังนั้นมีแต้มเท่ากับ 5 จึงต้องเปิดไพ่ใบที่ 3 เพิ่ม
- แบงค์เกอร์มีไพ่ในมือผลรวมเป็น 5 รอจั่วไพ่ใบที่ 3 เช่นกัน (ต้องรอผู้เล่นได้ไพ่เพิ่มก่อน)
- เพลเยอร์จั่วไพ่ใบที่ 3 ได้ 8 ตามกติกาในภาพด้านบน เมื่อแบงเกอร์มีแต้มในมือ 5 แต้ม เพลเยอร์จั่ว 8 ทำให้เราอยู่ทันที และไม่ต้องจั่วต่อ นอกจากนั้น ผลรวมของเพลเยอร์ลดลงเป็น 3 จากการจั่ว 8 ทำให้เราชนะทันที (5+8 = 13 เป็นแต้ม 3)
- ในอีกกรณีหนึ่ง ถ้าเพลเยอร์จั่วได้ 1 หรือ 2 หรือ 3 ก็จะทำให้เราต้อง อยู่เช่นกัน แต่จะเป็นกรณีที่เราหรือแบงเกอร์แพ้เกมทันที เพราะผลรวม เพลเยอร์จะได้ 6,7,8 ซึ่งมากกว่า
ตัวเลือกการเดิมพันในเกมบาคาร่า และค่าคอมมิสชั่น
ในการเดิมพันบาคาร่าออนไลน์ บางครั้งจะแตกต่างกับคาสิโนทั่วไปเล็กน้อย คือมีตัวเลือกเดิมพันที่มากกว่า หลักๆแล้ว ผู้เล่นปกติ รวมไปถึงมืออาชีพ จะนิยมแทงแค่แดง กับน้ำเงินแบบปกติ หรือแทงเพลเยอร์ หรือแบงค์เกอร์นั่นเอง ตัวเลือกการเดิมพันต่างๆของบาคาร่า ก็จะมีการจ่ายรางวัลแตกต่างกันออกไป และมีรายละเอียดดังนี้
- เดิมพัน เพลเยอร์ หรือน้ำเงิน จ่ายรางวัลเต็ม 1:1
- เดิมพัน แบงค์เกอร์ หรือแดง จ่ายรางวัล 0.95:1 โดยดีลเลอร์จะหัก 0.05% เป็นค่าคอมมิสชั่น
- เดิมพันเสมอ (TIE) ทั้งสองฝ่ายจบเกมแต้มเท่ากัน อัตราจ่าย 8 เท่า หรือ 8:1
- เดิมพัน เพลเยอร์/แบงค์เกอร์คู่ หรือ Pair คือการเดิมพันว่าไพ่ในมือฝั่งที่คุณเลือกแทงคู่ 2 ใบแรกจะเป็นไพ่หน้าเหมือนกัน เช่น 4/4 หรือ 8:8 อัตราจ่าย 11:1 หรือ 11 เท่า
- เดิมพันเพลเยอร์/แบงเกอร์ป๊อก (ภาษาอังกฤษจะเป็น Natural) ก็คือฝ่ายที่คุณเดิมพันจั่วไพ่ 2 ใบ แรก ได้เท่ากับ 8 หรือ 9 ก็คือป๊อกนั่นเอง มีอัตราจ่าย 7:2 แทง 100 จะได้ 350 บาท
- ลัคกี้ซิกซ์ (Lucky Six) เป็นการเล่นกับไพ่ฝั่งเจ้ามือเป็นหลัก คือเลือกเดิมพันว่าฝั่งแบงเกอร์จะชนะด้วยแต้ม 6 โดยมีอัตราจ่าย 12 เท่า หากชนะด้วยไพ่ 2 ใบแรก แต่จะจ่ายเงินสูงถึง 20 เท่า ในกรณีที่แบงเกอร์จั่วไพ่ใบที่ 3 และชนะด้วยผลรวม 6 แต้ม